เรื่องราวความเป็นมา
คุณป้าผลศรี เป็นเจ้าของร้านศรีบาติกลำปำ โดยได้เรียนมาทางด้านการตัดเย็บ หลังจากจบหลักสูตรก็ได้เปิดร้านตัดผ้าเล็กๆ มีลูกค้าประจำส่วนใหญ่เป็นข้าราชการตัดเครื่องแบบ และชุดใส่ทำงาน
หลังจากเปิดร้าน คุณป้าผลศรีก็ยังศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเรื่อยมา จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2546 เริ่มสนใจผ้าบาติก จึงพยายามเรียนรู้ด้วยตัวเอง โดยศึกษาทั้งการย้อมผ้าด้วยสีธรรมชาติ การวาดลายผ้าด้วยมือ และลายพิมพ์ โดยยังได้ไปศึกษาหาความรู้นอกสถานที่ เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ จากจังหวัดต่างๆ ที่มีความโดดเด่นในเรื่องการทอผ้า อีกทั้งไปศึกษาดูงานในประเทศมาเลเซีย และประเทศลาว และเรียนรู้มานานกว่า 2 ปี
เมื่อปี พ.ศ. 2548 จึงได้เริ่มขยายปรับปรุงร้านตัดเย็บเสื้อผ้าให้เป็นร้านจำหน่ายผ้าบาติก พร้อมตัดเย็บในหลากหลายรูปแบบ ทั้งสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย นอกจากเสื้อผ้าแล้วก็ยังมีหมวก ผ้าพันคอ ผ้าเช็ดหน้า เสื้อผ้าสำเร็จรูปแบบทุกขนาด โดยมีการพัฒนาในเรื่องของลายผ้าอย่างต่อเนื่อง ตัวลายผ้ามีทั้งเขียนด้วยมือ และพิมพ์ลายลงบนผืนผ้า บางลวดลายมีเพียง 1 ผืนเท่านั้น ล่าสุดพัฒนาเป็นลวดลายตัวละครในหนังตะลุง ภูเขาอกทะลุ สัญลักษณ์ของจังหวัดพัทลุง ลายยอยักษ์ที่ศรีปากประ ลายนก ลายดอกบัว สัญลักษณ์ของทะเลน้อย ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดพัทลุง ก็ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเช่นกัน
ร้านศรีบาติกยังเปิดสอนการทำลายผ้าให้กับชาวบ้านในชุมชนที่มีความสนใจ และรับมาทำงานในร้านเพื่อเป็นการกระจายรายได้ให้กับคนในชุมชน ซึ่งมีจำนวน 13 คน ทั้งเขียนลายผ้า และตัดเย็บ ครบวงจร นอกจากนั้นลูกศิษย์ส่วนหนึ่งที่ได้เรียนรู้จนมีความชำนาญ จนสามารถนำไปประกอบอาชีพของตนเอง
ลูกค้าส่วนใหญ่ที่ทำรายได้ให้กับทางร้านศรีบาติก คือในส่วนงานราชการ กลุ่มแม่บ้าน และหน่วยงานอื่นๆ ที่นิยมใส่เป็นทีม จากความงดงามของลวดลายและสีสันของผ้าบาติก ประกอบกับมีช่างฝีมือตัดเย็บที่ละเอียดอ่อนสวยงาม จึงทำให้ลูกค้าแวะเวียนมาซื้อหาออย่างไม่ขาดสาย
สำหรับรางวัลที่ได้รับมีมากมาย อย่างเช่นเป็นสินค้า OTOP แต่ที่น่าภูมิใจมากที่สุดคือ มีโอกาสเข้ารอบการประกวดระดับภาค รอบคัดเลือกประเภทผ้าบาติก/ผ้ามัดย้อม/ผ้าเขียนเทียน การประกวดผ้าลายพระราชทาน ”ผ้าลายดอกรักกัญญา” และงานหัตถกรรมระดับภาค และยังได้ทูลถวายผ้าบาติกสีม่วงแก่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ด้วย
ร้านศรีบาติกได้ดำเนินกิจการมาเป็นเวลานานกว่า 19 ปี และยังเรียนรู้ควบคู่กับการพัฒนาสีและลวดลายตลอดเวลา และได้สืบทอดความรู้ให้กับลูกศิษย์มาแล้วจำนวนมาก การทำผ้าบาติกได้นำเอาภูมิปัญญาที่ได้เรียนรู้มาประสานกับความคิดสร้างสรรค์ของตัวเอง เช่นการนำดอกไม้ ใบไม้ เปลือกไม้ ผลไม้ มาย้อมสีผ้าก็จะได้สีธรรมชาติปราศจากสารเคมี การวาดลวดลายกนก ลายไอ้เท่ง ลายมโนราห์ และลายที่บ่งบอกถึงสัญลักษณ์ต่างๆ ของเมือง เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวจังหวัดพัทลุงอีกทางหนึ่งด้วย
อยากเห็นสินค้าไปในทิศทางไหน
"ตอนนี้ผ้าบาติก คนเมืองค่อยข้างใส่กันเยอะมากๆ แล้ว แต่ก็จะเป็นหน่วยงานราชการที่มาสั่งทำ แต่ถ้าถามว่า อยากให้ผ้าบาติกไปในทิศทางไหนในอนาคต อยากให้ต่างชาติรู้จักผ้าพื้นเมืองของภาคใต้มากขึ้นค่ะ เพราะว่า มันคือช่องทางหนึ่งที่เป็นการเผยแพร่เรื่องของวัฒนธรรมออกไปต่างชาติค่ะ"
สิ่งที่อยากฝากไว้
"สิ่งที่ผู้ประกอบการกังวล คือ กลัวไม่มีคนรุ่นใหม่อนุรักษ์ผ้าบาติกไว้ ปัจจุบันทางร้านเลยได้มีการสอนคนรุ่นใหม่อยู่เรื่อยๆ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเลย เพราะอยากสนับสนุนและอยากให้คนรุ่นใหม่ได้มีวิชาชีพเกี่ยวกับผ้าบาติกติดตัวไปในอนาคต"